เคยไหม .. รถชนเป็นฝ่ายถูก แต่ถูกขอร้องให้เป็นฝ่ายผิด

กลางดึกของวันปลายสัปดาห์ ในขณะที่ยุทธนากำลังขับรถไปตามทาง ซึ่งเป็นถนน 2 เลน ไป-กลับ .. เสียงเพลงจากวิทยุดังฟังเพลินๆ บรรยากาศชวนชิวๆ

ยุทธมองออกไปหน้ากระจก มองเห็นทางโค้งอีก 100 เมตรด้านหน้า จึงบรรจง หมุนพวงมาลัยไปตามทางอย่าช้าๆ

ทันใดนั้นเอง ! เสียงดังโครม รถชนกับอะไรบางสิ่ง อย่างจัง จนแว่นที่ใส่กระเด็นตกลงไปอยู่ที่พื้น

หลังจากความมึนงงผ่านไป เขาเปิดประตูรถลงมาก็พบว่า

มี มอเตอร์ไซต์ 1 คัน สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และ เด็กนักเรียน 2 คน นอนร้องโอดครวญ อย่างเจ็บปวด

เด็กคนแรก ขาทั้ง 2 ข้าง มีเลือดไหลโชก และ ขยับไม่ได้
ในขณะที่เด็กอีกคน มีแผลที่บริเวณศรีษะ มองเห็นรอยแผลเจาะลึก เข้าไปในเนื้อกะโหลก

บรรยากาศ โดยรอบเต็มไปด้วยความสับสน เนื่องจากบรรดาไทยมุงได้ประจำตำแหน่งและทำหน้าที่จนเกินพอดี

หลังจากนั้นไม่นาน รถฉุกเฉินก็มารับ เด็กนักเรียนทั้ง 2 ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงที่สุดและร้อยเวร ก็มาถึงที่เกิดเหตุ

ซากรถมอเตอร์ไซต์ถูกยก ขึ้นรถกระบะ และ รถยนต์คันที่ถูกชน ถูกรถยกมาลากไป จุดหมายปลายทางคือสถานีตำรวจ ในพื้นที่

สถานการณ์ทั้งหมด ถูกย้ายมาที่สถานีตำรวจ คู่กรณีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตอนนี้มากันพร้อมหน้าคือ

  • ยุทธนา คนขับรถยนต์ ที่ชนกับรถมอเตอร์ไซต์ง
  • เค พนักงานเคลม ของบริษัทประกันภัย ที่ยุทธซื้อกรมธรรม์
  • ผู้ปกครองของ เด็กนักเรียนทั้ง 2 คน
  • รตต.สามารถ ร้อยเวรผู้รับผิดชอบ

ยุทธเล่าให้ เค พนง.เคลม ฟังว่า ” ผมขับรถมาในเลนปกติ แต่เมื่อถึงทางโค้ง รถมอเตอร์ไซต์ ได้ข้ามเลนมาชน ด้านหน้าตำแหน่งกลางรถ อย่างจัง จนหม้อน้ำแตก ” พร้อมกับโชว์รูปถ่ายที่เขาถ่ายไว้เป็นหลักฐาน

หลังจากนั้น เค. ก็ได้ไปคุยกับร้อยเวรและ พ่อของเด็ก ซึ่งเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซต์ ก็ได้ข้อมูลว่ารถมอเตอร์ไซต์ คันนี้ซื้อเพียง พรบ.ไว้ เท่านั้น ไม่นานนักบรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เมื่อร้อยเวร ได้ต่อสายคุยกับโรงพยาบาล ถามถึงอาการของน้องทั้ง 2 คน

แต้ว พยาบาลสาวสวย เจ้าของเสียงปลายทาง ได้ให้ข้อมูลว่า
” ยังคงต้องดูอาการค่ะ เนื่องจากบาดเจ็บหนักทั้งคู่ ประเมินค่ารักษา แต่ละคนแล้ว ไม่น่าต่ำกว่า 100,000.00 บาท”

หลังจากวางสาย ร้อยเวร ได้เรียก ยุทธเข้าไปคุย และขอร้องให้เขาเป็นฝ่ายผิด

ยุทธ ยัง งงๆ และไม่รู้สาเหตุว่าทำไม ทาง ผู้กองสามารถ.จึงให้เขาทำเช่นนั้น

เขาจึงขอเวลาเพื่อปรึกษา พนักงานเคลมที่รออยู่ด้านนอก

เค พนง.เคลม ชี้แจงว่า
” ตามข้อเท็จจริง ถ้าดูจากช่องทางและการเกิดเหตุแล้ว ทางฝ่ายรถยนต์ได้เปรียบ

เนื่องจากน้องนักเรียน ขับรถมอเตอร์ไซต์ข้ามเลนมา”

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฝั่งมอเตอร์ไซต์ก็คือ

  • ต้องจ่ายค่าซ่อม ความเสียหายของรถยนต์
  • ต้องจ่ายค่าซ่อมมอเตอร์ไซต์ ของตัวเอง
  • แต่ที่น่ากังวลที่สุด คือ ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล เองทั้งหมด

ยุทธนา ถามสวนทันทีว่า ” แต่ทางมอเตอร์ไซต์ มีซื้อ พรบ นี่ครับ ”

พนง.เคลม ให้ข้อมูลเพิ่มว่า เนื่องจากทางมอเตอร์ไซต์ เป็นฝ่ายผิด ดังนั้น คนขับจะได้วงเงินการรักษา 30,000 บาท เท่านั้น ตามวงเงินค่าเสียหายเบื้องต้น ส่วนคนซ้อนจะได้วงเงินค่ารักษา 50,000 บาท

และประเด็นนี้เอง ที่ทำให้ทางร้อยเวร เอ่ยปากขอร้องให้คนขับรถยนต์เป็นฝ่ายผิด

จริงอยู่ การยอมรับเป็นฝ่ายผิด ของยุทธ อาจจะทำให้วงเงินค่ารักพยาบาลที่บริษัทประกันภัย จะช่วยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้กับน้องทั้ง 2 คน นั้นสูงขึ้น

แต่ .. สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นก็คือ

ยุทธจะผิดทันที ตามประมวลกฎหมายอาญา โทษจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ อาการบาดเจ็บ และ ระยะเวลาการพักรักษาตัวของน้องทั้ง 2 คน ครับ

ถ้าพักไม่เกิน 21 วัน ก็จะเข้า ปอ.มาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าพักเกิน 21 วัน ก็จะเข้า ปอ.มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำถามคือ .. ถ้าคุณเป็นยุทธนา คนขับรถคันนี้ คุณจะตัดสินใจอย่างไรครับ ?

สำหรับคำตอบ ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็ไม่มีถูกหรือผิด นะครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับมุมมอง ของแต่ละบุคคลครับ

การตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับมุมมองที่คุณคิด เหมือนกับ .. ความรู้สึกเกี่ยวกับประกันภัย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่คุณเคยมี