กรณีศึกษา ขับรถชนมีคนเจ็บ ( ตอนที่ 1 )

 

ขับรถชน มีคนเจ็บ ครั้งแรกในชีวิต ทำยังไงดีคะ ใครก็ได้ช่วยบอกที ( ตอนที่ 1 )

          ในขณะที่ น้องก้อยศรี ( นิสิตน้องใหม่รูปร่างสูง มีความซื่อและใสเป็นอาวุธ ) กำลังขับรถป้ายแดงคันใหม่ ที่คุณพ่อถอยให้เป็นรางวัลจากการที่ Entrance ติดในปีที่ผ่านมา ด้วยความที่น้องก้อยศรีเป็นคนรุ่นใหม่สดใส และใส่ใจเทคโนโลยี ในขณะขับรถเธอจึงเปิดวิทยุคลื่นโปรด และใช้มือถือแชต กับชายปอม ( หนุ่มร่างอวบ หน้าตาใส พูดจากระแทกใจสาว ) เพื่อนัดติววิชา นิติปรัชญา ด้วยกัน 

          ช่วงเวลานั้นเองการสนธนาของทั้งคู่เป็นไปอย่างสนุกสนาน ผกผันกับการจราจรรอบตัวน้องก้อยศรีที่เป็นไปอย่างน่าหวาดเสียวยิ่งนัก
          ในที่สุดสิ่งที่คาดคิดก็เกิดขึ้น น้องบีซัง ( สาวสวยร่างเล็ก ที่เต็มไปด้วยพลัง ) ขี่มอเตอร์ไซต์ FINO คู่กาย จากเลนส์ด้านซ้ายย้ายไปเลนส์ด้านขวาเพื่อหวังจะกลับรถ ที่ U-TURN ข้างหน้า
          อาจจะด้วยทั้งน้องก้อยศรีและน้องบีซัง เคยทำบุญมาร่วมกันมา รถป้ายแดงของน้องก้อยศรี จึงชนเข้าที่รถ FINO ของน้องบีซังอย่างจัง จนตัวน้องบีกระเด็นขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางถนนมีเลือดไหลออกมาจากขาข้างซ้ายเป็นแผลยาว น้องบีซัง ร้องด้วยเสียงอันดังเพราะกลัวขาที่สวยงามจะต้องมาเป็นแผลเป็น

          ตัดกลับไปที่ก้อยศรี ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงอยู่ในอาการตกใจ ร้องไห้ พร้อมกับ พูดกับตัวเองว่า “งานเข้าชุดใหญ่ซะแล้วเรา ”
          ส่งผลให้ชายปอม ผู้มีส่วนก่อเรื่อง เกิดความร้อนใจ และ ถามก้อยศรีว่า “ เกิดอะไรขึ้น นั้นเสียงอะไร… รึ ”

          ก้อยศรี ตอบกลับพร้อมน้ำตาว่า “ ก้อยขับรถชนคน มีเลือดออกเต็มเลย …… ทำงัยดี ปอม ”

          ปอมเหลือบมองดูนาฬิกา เป็นเวลา 4 ทุ่มกว่า เมื่อคำนวณควบคู่กับเส้นทางการเดินทางของ ก้อยศรี ปอมจึงมั่นใจว่า น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ถนนเส้นนั้นไม่ค่อยมีใครผ่านไปมามากนัก จึงแนะนำ ก้อยศรี ด้วยความแมน ว่า “ ขับหนีเลยก้อย ป้ายแดงคนตามไม่ได้หรอก คนเจ็บ.. เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเอง ”

          ในขณะที่ ก้อยศรี กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำตามชายปอม แนะนำหรือไม่ ก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาที่ข้างหูขวา และพูดว่า …. “ น้องก้อยครับ รถคันนี้มีประกันไม่ใช่หรือครับ …. งั้นฟังทางนี้ดีกว่า ” ใช่แล้วครับ น้องก้อย ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์นั้น คุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งในแง่ของ

          ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัย กรณีนี้ ก็คือ คุ้มครองการบาดเจ็บ ของน้องบีซัง นั้นแหละครับ

          ความเสียหายต่อทรัพย์สิน กรณีนี้ก็คือ รถมอเตอร์ไซต์ FINO คันงามของน้องบี รู้อย่างนี้แล้วน้องก้อย จะหนีทำไมครับ.. ? เอาเป็นว่า สูดลมหายใจให้ลึก ตั้งสติให้มั่น แล้วทำตามนี้ดีกว่าครับ

          ก่อนอื่น วางสายชายปอม ก่อนเลยครับ  บอกไปเลยครับว่า “ขอบใจมากนะปอม สำหรับคำแนะนำ แต่ที่เหลือเดี๋ยวก้อยจัดการเอง ”  จากนั้นทำตามนี้ครับ

          อย่างแรก เปิดสัญญานไฟเตือนให้รถคันหลังรู้ก่อน เพื่อความปลอดภัย แล้วลงจากรถเลยครับ ลงไปเลย … ไม่ต้องกลัว ไปดูก่อนเลยว่า ผู้บาดเจ็บ บาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน แล้วก็หาทางช่วยเหลือ น้องบีเขาก่อน เรื่องความปลอดภัยของคนเจ็บต้องมาก่อนครับ เรื่องใครผิดหรือถูก เอาไว้ค่อยว่ากัน

          โดยส่วนใหญ่เมื่อมีคนเห็นเหตุการณ์ และรู้ว่ามีคนเจ็บ เขาจะแจ้งหน่วยกู้ภัย หรือไม่ก็สถานีตำรวจใกล้เคียง ซักพักก็จะมีรถมารับไปส่งโรงพยาบาล สิ่งที่น้องก้อย ควรกระทำในเวลานั้นคือ พยายามถามคนช่วยเหลือ ว่าจะส่งคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลใด เพราะการที่จะถามชื่อที่อยู่ ของคนเจ็บในเวลานั้นเลย คงจะไม่ทันการ และดูไม่ดีนัก

          ดังนั้นเพียงรู้ว่าคนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร เมื่อโทรไปถามทางโรงพยาบาล โดยอ้างอิงเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ทางโรงพยาบาลก็จะบอกเราได้ว่าคนเจ็บชื่ออะไร อาการเป็นยังไงบ้าง พักอยู่ห้องไหน ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะกรณีที่น้องก้อยเป็นฝ่ายผิด เพราะการไปเยี่ยม จะทำให้การเจรจา กันในเวลาต่อมาทำได้ง่ายขึ้น …….

***** เมื่อบีซังคนเจ็บ ถูกส่งตัวถึงมือหน่วยพยาบาลแล้ว น้องก้อยผู้ก่อเหตุ ยังต้องเผชิญกับอะไรต่อไป สิ่งใดที่น้องก้อยจำเป็นต้องทำ เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ติดตามต่อไป