ค่าสินไหมทดแทน หรือ บางคนอาจจะเรียกว่า ค่าทำขวัญ ในทางประกัน คือ เงินค่าสินไหมที่ประกันจะจ่ายให้กับผู้บาดเจ็บ เพราะผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวในช่วงที่บาดเจ็บ ไม่สามารถไปประกอบอาชีพได้ โดยจะพิจารณาจาก ระยะเวลาในการพักรักษาตัว และ รายได้ของคนเจ็บ ( สิ่งที่ต้องใช้คือ ใบรับรองแพทย์ และ ใบรับรองเงินเดือน )
กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง ของอุบัติเหตุที่ ทำให้ผู้โดยสารที่มากับรถคันที่ถูกได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานได้ เพื่อให้เห็นขั้นตอนปฏิบัติที่ควรจะเป็น เราขอสรุปดังนี้
- ในกรณีนี้มีผู้บาดเจ็บถือว่าเป็นคดีอาญา ดังนั้นควรมีการบันทึกประจำวัน เบื้องต้น โดยคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
- ให้คนเจ็บ หาหมอ ตรวจให้ละเอียดว่ามีการอาการเจ็บเช่นใดบ้าง
- กรณีบาดเจ็บน้อย ไม่ต้อง Admit ถ้าสำรองจ่ายไปก่อนเก็บใบเสร็จไว้
- กรณีบาดเจ็บมาก ต้อง Admit ให้ใช้สิทธิ์ พรบ. โรงพยาบาลประสานกับบริษัทประกันโดยตรง สำหรับค่าเสียหายเบื้องต้น
- เมื่อคนเจ็บหายดี หรือ พอจะไปสถานีตำรวจได้ ให้นัดหมายทุกฝ่ายอีกครั้งที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ ร้อยเวร ทำการสอบถาม และ เจรจาเรื่องค่าสินไหม
- ถ้าช่องทางชัดเจนว่าใครผิด-ถูก ก็เป็นตามนั้น
- ถ้ายังเป็นประเด็น ว่าใครผิด-ถูก ร้อยเวร จะชี้ให้
- การเจรจาเรื่องค่าเสียหาย สิ่งที่ฝ่ายผิดต้องชดใช้ ให้กับฝ่ายถูก
- ค่าซ่อมรถยนต์ของเรา
- ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ กรณีที่รถต้องซ่อมเป็นระยะเวลาหลายวัน ( มากน้อยขึ้นกับเหตุผลและการต่อรอง )
- ค่ารักษาพยาบาล ตามใบเสร็จที่รักษามา ( จึงต้องเก็บใบเสร็จ ทุกใบที่ได้สำรองจ่ายไปก่อน )
- ค่าสินไหมทดแทน/ค่าทำขวัญ ในทางประกันคือ เงินค่าสินไหมที่จะจ่ายให้ผู้บาดเจ็บ เพราะเขาต้องพักรักษาตัวในช่วงที่บาดเจ็บ ไม่สามารถไปประกอบอาชีพได้ หลักๆ พิจารณาจาก ระยะเวลาในการพักรักษาตัว และ รายได้ของคนเจ็บ ( สิ่งที่ต้องใช้คือ ใบรับรองแพทย์ และ ใบรับรองเงินเดือน )
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการเรียกร้องและชดใช้ค่าสินไหมแต่ละข้อก็ควรให้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความเป็นไปได้ เพราะจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่เสียเวลาในการเจรจาต่อรอง อะไรที่สมควรได้ก็รักษาสิทธิ์ของตน แต่ก็ให้พอเหมาะพอควร ไม่มากมายเกินไปจนอีกฝ่ายไม่สามารถจ่ายได้ ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายต่างประนีประนอมกันด้วยเหตุผล ทุกอย่างก็จะจบลงได้ด้วยดี