เบี้ยประกันสุขภาพ ปรับเพิ่มหรือไม่ อย่างไรดี

เบี้ยประกันสุขภาพ

อีกเรื่องหนึ่งที่คนทำประกันสุขภาพ มักกังวลก็คือเรื่องของการเพิ่มเบี้ยประกันภัย ไม่รู้ว่าเพิ่มอย่างไร เพิ่มมากน้อยแค่ไหน เพราะการทำประกันสุขภาพแม้จะมีลักษณะความผูกพันเป็นแบบปีต่อปี แต่ถ้าใครทำแล้วก็ต้องทำระยะยาวกันทั้งนั้น และพอเป็นระยะยาวนี่แหละ ก็เลยไม่มีอะไรที่จะมารับประกันได้ว่าเบี้ยประกันมันจะคงที่

คิดง่ายๆ ในทางเศรษฐศาสตร์ มีคำว่า “เงินเฟ้อ” ซึ่งหมายความว่าราคาสินค้าที่เรากิน เราใช้ มันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในทุกๆปี ในเรื่องของต้นทุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็เช่นเดียวกัน ย่อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป

ดังนั้นบทความนี้ จะขยายภาพรวมในเรื่องของเบี้ยประกันสุขภาพเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น ว่ามันมีการเพิ่มขึ้นจากปัจจัยใดและแบ่งเป็นกี่แบบ ซึ่งได้แก่

        1.Normal Rate คือเพิ่มขึ้นตามอัตราปกติ โดยทุกบริษัทประกันเกือบจะใช้เหมือนกัน คือเพิ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ปี บางที่ก็จะปรับทุกครั้งที่อายุลงท้ายด้วยเลข 1 หรือ 6 เช่น 31, 36, 41,….. ซึ่งคนที่ทำประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้ อายุมากขึ้นโอกาสเจ็บป่วยก็มากขึ้น ต้นทุนค่ารักษาค่ายาก็แพงขึ้นตามปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

        2.Claim Ratio คือเพิ่มขึ้นตามยอดการเคลม ซึ่งการเคลมในที่นี้เป็นได้ทั้งตัวเลขเคลมของผู้เอาประกันเอง ตัวเลขเคลมทั้ง Port ของบริษัทประกันภัย หรือ อัตราต้นทุนค่ารักษาพยาบาลของอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการปรับเพิ่มเบี้ยแบบ Claim Ratio นี้ยังแบ่งอีกได้เป็น

a | การเพิ่มขึ้นแบบ Max คือ จะมีการกำหนดเลยว่าเพิ่มได้มากสุดกี่% ของเบี้ยประกันภัย กับอีกแบบที่น่ากลัวกว่า

b | การเพิ่มแบบ Unlimit คือไม่มีการจำกัดขอบเขต สามารถเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้ ตามที่บริษัทประกันภัยเห็นสมควร ส่วนใหญ่บริษัทประกันจะเพิ่มเบี้ยแบบนี้ก็ต่อเมื่อ ตัวเลขเคลมของผู้เอาประกันคนนั้น หรือ ของ Port ทั้ง Port สูงจริงๆ จนถึงขั้นบริษัทขาดทุน การจะคงเบี้ยประกันไว้ที่เดิมเป็นระยะเวลาต่อไป ย่อมกระทบผลการดำเนินงานและความมั่นคงของบริษัทในที่สุด สุดท้ายก็จะตัดสินใจเพิ่มเบี้ย ซึ่งแน่นอนผลที่ตามมาบริษัทประกันย่อมรู้อยู่แล้ว คือความไม่พอใจของผู้เอาประกันภัย และชื่อเสียงของบริษัท ดังนั้นบริษัทใดที่เพิ่มเบี้ยแบบนี้ก็คงผ่านการคิดมาอย่างดีแล้วว่าจำเป็นต้องทำจริงๆ

        3.Fix Rate คือมีการกำหนดไว้ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ว่า ในกรณีที่มีการปรับเบี้ยเพิ่มจะไม่เกินกี่% ของเบี้ยประกัน เช่น20% หรือ 30% ก็ว่ากันไป ดังนั้นถ้ามีการเพิ่มเบี้ยก็จะไม่เกินกว่านี้ ส่วนเหตุผลที่เพิ่มก็คือแล้วแต่บริษัทจะเห็นสมควร เช่นค่าใช้จ่ายในต้นทุนการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น, ตัวเลขเคลมทั้ง Port สูง หรือเหตุผลอื่นๆ ก็ว่ากันไป

โดยผู้ที่ถูกปรับเพิ่มเบี้ยส่วนใหญ่ก็จะมาจากตัวเลขเคลมในปีที่ผ่านมา อาจจะสูงเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น เพราะเรื่องการปรับเพิ่มเบี้ยเป็นเรื่องที่อ่อนไหว บริษัทประกันจะไม่ทำถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครับ

ส่วนประเด็นที่ว่าถ้าถูกเพิ่มเบี้ยขึ้นมาจะมีวิธีคิดต่ออย่างไร ขอเสนอแนะเป็นแนวทางกว้างๆ คือ

1.กรณีที่เบี้ยเพิ่มแต่คุณยังมีกำลังที่จ่ายไหว อาจพิจารณาจาก

  • กรณีที่สุขภาพคุณมีความสมบูรณ์ จนสามารถย้ายบริษัทประกันภัยใหม่โดยยังคงได้รับความคุ้มครองอย่างสมบูรณ์
    • ให้คุณคิดว่าบริษัทประกันเดิมนี้ บริการได้ดีหรือไม่ การจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณที่ผ่านมา จ่ายให้เต็มที่หรือไม่ ติดขัดปัญหาอะไรไหม แล้วพิจารณาอีกทีว่าจะต่อที่เดิมหรือเปลี่ยนดี
    • ย้ายบริษัทประกันภัย ก็อาจจะต้องเริ่มกระบวนการประกันใหม่ หาตัวแทน กรอกแอพ ตรวจสุขภาพ อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อเปลี่ยนแล้วก็อยากให้ใช้เวลาศึกษาหาข้อมูล เลือกแบบประกันที่คิดว่าเหมาะสมกับคุณที่สุด เพราะมันต้องอยู่กับคุณอีกนาน
  • สุขภาพมีปัญหา คือมีโรคประจำตัว หรือโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่อง ถ้ากรมธรรม์เดิมของคุณสามารถที่จะเคลมค่ารักษาพยาบาลของโรคที่คุณเป็นได้ เราก็แนะนำให้คุณทำประกันต่อกับที่เดิม เพราะการย้ายบริษัทประกันภัยมีโอกาสสูงที่จะติดเงื่อนไขต่างๆ ในการรักษา ซึ่งหมายถึงคุณจะได้รับความคุ้มครองที่ลดลง

2.กรณีที่เบี้ยเพิ่มและไม่สามารถจ่ายไหว ก็อาจจะเริ่มจากว่า พอจะลดแพคเกจหรือความคุ้มครองลงมาได้ไหมเพื่อให้เบี้ยต่ำลง ถ้าไม่ได้จริงๆ แน่นอนก็คงต้องใช้วิธีการย้ายบริษัทประกันภัย ที่คุณสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้ ซึ่งตอนนั้นก็คงขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าติดปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็อาจจะต้องหาทางแก้ไขวิธีอื่น หรือหาสวัสดิการการรักษาแบบอื่นมาทดแทน เช่น วางแผนการเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตนเอง , ใช้สิทธิ์ประกันสังคม หรือ สิทธิ์ 30 บาท เพราะโรคภัยเมื่อเป็นขึ้นมาแล้ว ยังไงก็ต้องได้รับการรักษา

แน่นอนการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เป็นเรื่องสำคัญจำเป็น แต่ต้นทุนที่ให้ได้มาซึ่งสวัสดิการในการรักษาก็จำเป็นไม่แพ้กัน วางแผนให้ดีคิดให้รอบคอบ เมื่อสุขภาพมีปัญหาขึ้นมา คุณจะได้มีเบาะรองรับค่าใช้จ่ายนั้นๆ ครับ

สนใจทำประกันสุขภาพ ติดต่อ 083-246-3599