เป็นเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้น ในขณะที่อาจารย์สาวมหาลัยเอกชนชื่อดัง ท่านหนึ่งกำลังขับรถกลับบ้าน ช่วงเย็นวันศุกร์
ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น !!!!
มีชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ขับรถมาชนอย่างแรง จน Airbag รถของ อจ.สาวเปิดและส่งผลให้ อจ.สาว ได้รับบาดเจ็บ เมื่อตั้งสติได้ อจ.สาวจึงเดินลงมาจากรถ
สภาพรถที่ด้านหน้า พังยับเยิน ไม่สามารถขับต่อได้ ตามรูปภาพจากหน้าปกของเรื่องนี้ ..
ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเรียกประกันของตน และรอ เจ้าหน้าที่เคลมมา ซึ่งระหว่างนั้น อาจารย์สาวก็ยังมีอาการเจ็บที่ศรีษะ และมึนหัว
เมื่อประกันของคู่กรณีมาถึง ก็เดินไปสอบถามรายละเอียดคู่กรณี แล้วจึงเดินมาหาอาจารย์สาว…
พนง.เคลมเอ่ย .. “คุณผู้หญิงครับ ทางฝ่ายผมรับผิดนะครับ เดี๋ยวออกใบเคลมให้เลย….”
ประเด็น : จริงๆ แล้ว เหมือนจะดี … ทุกอย่างน่าจะจบลงแบบง่ายๆ แต่เดี๋ยวก่อน !!! อย่าลืมสิ ว่า อาจารย์มีอาการบาดเจ็บอยู่น๊า ถ้ารับใบเคลมแล้วแยกกันไปเลย เกิดคืนนี้อาจารย์ปวดหัวหรือมีอาการอื่นๆ ตามมา จะทำอย่างไร ?
สิ่งที่ควรทำ : อาจารย์ๆ อย่าเพิ่งเจรจา ตกลงใดๆ ทั้งสิ้นครับ ควรแจ้งตำรวจสถานีพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้ทำการบันทึกเหตุการณ์เบื้องต้น และ เดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายครับ เคสอุบัติเหตุที่มีผู้บาดเจ็บ จะเป็นคดีอาญาครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องเข้ามาดูแล ซึ่งในเคสนี้ เราเป็นฝ่ายถูก รถเสียหายเยอะและมีอาการบาดเจ็บ จะต้องมีการเรียกร้องค่าเสียหายหลายอย่าง การมีตำรวจเป็นคนกลาง จะทำให้เราเรียกร้องได้ยุติธรรมขึ้น
หลังจากอาจารย์ ไปหาหมอตรวจเช็คอาการที่โรงพยาบาลเสร็จ ก็เดินทางไป สถานีตำรวจ เพื่อพบกับ ร้อยเวร และ คู่กรณี
ร้อยเวร : “ ทางคู่กรณี ยอมรับว่าผิด และประกันยินดีจ่ายค่าซ่อมรถให้ ตกลงผมบันทึกปิดเรื่องและ ปรับคู่กรณีเลยนะครับ ..”
อาจารย์สาว : “แต่หนู บาดเจ็บนะคะ รถก็เสียหายเยอะ ใช้เวลาซ่อมนานแน่ๆ ระหว่างไม่มีรถใช้ หนูจะทำอย่างไรคะ “
ร้อยเวร : “ เรื่องค่าเสียหาย คุณไปตกลงกับประกันได้ภายหลัง เขายอมรับผิดแล้วหนิ ถ้าคุณไม่จบ รถต้องตรวจสภาพนะ คุณต้องเสียค่าตรวจสภาพ ถ้าจบ วันนี้เอารถออกไปซ่อมได้เลย “
อาจารย์สาว : ยังสับสน กับสิ่งที่ร้อยเวรพูด ว่าควรทำตามหรือไม่ และต้องการที่ปรึกษา
ประเด็น : รถของเราที่เสียหายมิใช่ประเด็น เพราะสามารถจัดซ่อมกับบริษัทประกันภัยรถของอาจารย์ได้
แต่ประเด็นหลักจริงๆ อยู่ที่ตรงนี้
- อาการเจ็บของ อาจารย์แน่ใจแล้วหรือ ว่าเป็นปกติ นี่เหตุการณ์พึ่งผ่านไปได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงเลยน๊า จะรอดูอาการก่อนดีไหม เพราะถ้าโชคร้ายเป็นอะไรร้ายแรง จะมีผลต่อเนื่องกับค่าสินไหมที่เราจะเรียกร้อง ค่ารักษา ค่าสินไหมในช่วงที่อาจารย์ทำงานไม่ได้
- ค่าขาดประโยชน์การใช้รถ ในช่วงที่รถเข้าซ่อม แน่ใจหรือว่าประกันฝ่ายคู่กรณี จะจ่ายให้กับเราเต็มจำนวน
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นอีก ที่อาจารย์ยังไม่รู้
สิ่งที่ควรทำ : ยังไม่ต้องรีบร้อนปิดเรื่องครับ วันนี้แค่บันทึกคร่าวๆ ไว้ก่อน ว่าคู่กรณีคือใครบ้าง รถยนต์เลขทะเบียนอะไรบ้าง ลักษณะการเกิดเหตุอย่างไร และใครผิด ใครถูก แล้วต่อท้ายว่า ผู้เสียหายขอดูอาการที่บาดเจ็บเบื้องต้น โดยนัดหมายจะมาเจรจากันอีกครั้งหนึ่ง
ประโยชน์คือ
- ได้กลับไปดูอาการบาดเจ็บให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรมาก และ หายเป็นปกติแน่นอน
- มีเวลากลับไปทบทวนว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับเรามีอะไรบ้างที่ต้องไปเรียกร้องกับฝั่งคู่กรณี
- กลับไปปรึกษาผู้รู้ว่าบันทึกประจำวันตอนจบเรื่อง ควรลงข้อความอย่างไร เพื่อให้สามารถไปเรียกร้องกับคู่กรณีได้อย่างครบถ้วน
- ยังสามารถใช้ความได้เปรียบทางคดีอาญา ในการต่อรองคู่กรณีเพื่อเรียกร้องสิ่งที่เราต้องเสียไปได้
สรุปสุดท้ายในวันนั้น เคสของอาจารย์สาวจึงจบลงด้วยการลงบันทึกประจำวันเบื้องต้น โดยมีการนัดหมายอีกครั้ง 2 วันข้างหน้า ซึ่งอยากจะบอกว่าเหตุการณ์ในการนัดหมายครั้งที่ 2 นั้นก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร มาติดตามกันต่อครั้งหน้า …