กฎเหล็กในการทำประกันให้ปลอดภัย

กฎเหล็กในการทำประกันให้ปลอดภัย

1.ต้องเริ่มจากการเลือกบริษัทประกัน ที่มีฐานะการเงินมั่งคงก่อนครับ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ประสบการณ์ในอดีตที่มีมากมาย เบี้ยประกันถูกมาก เอากลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาใช้ ต้องการดึงเบี้ยเข้าบริษัทก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงเพราะนำเบี้ยประกันที่ได้ไปใช้นอกระบบ จนไม่มีปัญญาจ่ายค่าสินไหมให้ลูกค้า ทำให้กรมธรรม์กลายสภาพเป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษที่ไม่มีค่าอะไร

2.ต้องเลือกประกันผ่านนายหน้า หรือตัวแทนที่เชื่อถือได้ หลายท่านคงเคยมีประสบการณ์ว่าระยะหลังนี้ มีบริษัทนายหน้าประกันภัยเกิดขึ้นใหม่มากมาย โดยส่วนใหญ่ก็จะเน้นยอดขายเป็นหลัก ใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะให้ลูกค้าโอนเงินให้ตน โดยอ้างว่าโทรมาจากบริษัทประกันบ้าง ให้โอนเงินให้ก่อน 3 เดือนก่อนกรมธรรม์จะมีผล โดยจูงใจว่าเป็นเบี้ยราคาพิเศษ แต่เมื่อโอนเงินแล้วไม่มีความคุ้มครองบ้าง คือกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ทำเพราะต้องการให้ลูกค้าโอนเงินให้ก่อนเพื่อจะได้แน่ใจว่าลูกค้าจะทำกับบริษัทของตนแน่นอน แต่ลองมีข้อผิดพลาดขึ้นมาเถอะโอกาสจะขอเงินคืนยากมาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อลูกค้าที่ประสบเหตุแล้วยังส่งผลต่อธุรกิจประกันภัยโดยรวมด้วย เพราะไม่สามารถทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการประกันภัยที่ถูกต้อง แต่กับทำให้ผู้เอาประกันภัยมองคนกลางประกันภัยในทางลบ ดังนั้นคนกลางประกันภัยที่ดีควรจะแข่งกันที่การให้บริการให้ความรู้ที่ถูกต้อง มากกว่า เพราะมันคือจรรยาบรรณของวิชาชีพ และจะทำให้ระยะยาวมีการพัฒนาธุรกิจประกันทั้งระบบ

3.เลือกตัวผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการและการใช้งานครับ ลูกค้าแต่ละรายย่อมมีความต้องการและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การที่เราตอบตัวเองได้ว่าเราต้องการบริการแบบใดขอบเขตเท่าใด ย่อมทำให้เราเลือกซื้อแบบของการประกันได้ตรงจุดที่สุด ยกตัวอย่างเช่นผู้เอาประกันภัยรายหนึ่งมีรถยนต์ 2 คัน คันแรกเป็นรถฮอนด้า ซีวิค ผู้เอาประกันภัยเป็นคนขับเอง อายุก็ประมาณ 50 นิดๆ วันๆ ไม่ค่อยไปไหนครับ ไปกลับบ้านที่พระราม 2 กับประตูน้ำ ส่วนอีกคันเป็นรถเบนซ์ CLK 240 ด้วยความที่รักลูกมากคันนี้จึงให้ลูกชายขับ อายุประมาณ 20 วัยรุ่นสุดๆ ชอบความเร็ว ชอบเที่ยวกลางคืน ลองคิดดูว่ารถ 2 คันนี้ควรประกันแบบใด คันฮอนด้า ดูความเสี่ยงแล้วน้อยไม่ค่อยชน อาจจะประกัน 3 พลัสก็ได้ แต่ข้อเสียก็คือ สามารถเคลมได้แค่กรณีรถชนรถและต้องมีคู่กรณีเท่านั้น เบี้ยประกันก็ไม่เกิน 7,000 บาท ส่วนเบนซ์ เนื่องจากผู้ขับมีอายุยังน้อยการทำประกันเป็นประเภท 1 น่าจะช่วยกระจายความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เหมาะสมกว่า การวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงที่มือ และเลือกซื้อการประกันภัยที่เหมาะสมก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดค่าใช้จ่ายไปในเวลาเดียวกันได้