ความเสียหายทรัพย์สิน

หลักปฏิบัติเบื้องต้นเมื่อเกิดความเสียหายทรัพย์สิน เพื่อที่จะเคลมกับบริษัทประกันภัย

หลักปฏิบัติเบื้องต้นเมื่อเกิดความเสียหายทรัพย์สิน เพื่อที่จะเคลมกับบริษัทประกันภัย

1.หยุดยั้งความเสียหายเท่าที่สามารถทำได้ โดยไม่เสี่ยงต่ออันตราย เช่น

  • ไฟไหม้ในห้องครัว ถ้ามีถังดับเพลิงและสามารถฉีดได้อย่างปลอดภัย ให้ฉีดเพื่อดับไฟเบื้องต้น
  • ฝนตกหนัก น้ำค่อยๆท่วม สินค้าเราวางอยู่บนพื้น ให้พยายามยกขึ้นให้พ้นน้ำมากที่สุดเท่าที่ทำได้

2.เมื่อเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเสียหายสิ้นสุดแล้ว เช่น ไฟที่ไหม้สงบลงแล้ว ให้เริ่มบันทึกภาพหรือวีดีโอเป็นหลักฐานก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้าย หรือ เก็บซากความเสียหาย ในบางครั้งการเกิดความเสียหายอาจเป็นช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงวันหยุดยาว ซึ่งไม่สามารถจะแจ้งเหตุบริษัทประกันภัยได้ทันที แต่เรามีความจำเป็นต้องเก็บกวาดซากความเสียหาย เช่น ฝนตกหนักน้ำท่วมเข้ามาในบ้าน ก็จำเป็นต้องเก็บกวาดหรือทำความสะอาด ดังนั้นก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม ให้ทำการถ่ายภาพ หรือวีดีโอ ให้เห็นว่า

  • ความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากสาเหตุใด
  • ความเสียหายที่เกิดขึ้น ครอบคลุมพื้นที่มากน้อยเพียงใด
  • มีทรัพย์สินอะไรบ้างที่ได้รับความเสียหาย ( อันนี้ต้องถ่ายให้ละเอียด )

3.สามารถทำความสะอาดและเก็บกวาดความเสียหายได้ แต่ให้เก็บซากของทรัพย์สินที่เสียหาย แยกออกมาตั้งกองไว้ที่ใดที่หนึ่ง ห้ามทิ้งเด็ดขาด โดยเฉพาะถ้าเป็นซากของสินค้าที่เสียหาย เช่น

  • สินค้าที่บรรจุอยู่ในกล่อง ได้รับความเสียหายจาก ท่อน้ำภายในอาคารที่แตก รั่วลงมา ทำให้สินค้าเปียก ให้แยกสินค้าที่เปียกออกมา
  • ไฟไหม้บ้าน โต๊ะกินข้าว เสียหายจากไฟไหม้ แต่ทีวี ได้รับความเสียหายจากน้ำที่ฉีดเพื่อดับเพลิง ให้แยกทรัพย์สินที่เสียหายออกมากองไว้

ทั้งนี้เพราะ เมื่อบริษัทประกันทำการจ่ายค่าสินไหมให้กับเราแล้ว ซากทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้จะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ ของบริษัทประกันภัยทันที บริษัทประกันภัยจะเลือกเองว่าทรัพย์สินส่วนใดที่เขาจะนำไปดำเนินการต่อเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าสินไหมบางส่วนที่ได้จ่ายไป ดังนั้นซากต่างๆต้องเก็บไว้ห้ามทิ้ง เพราะจะมีผลต่อการเรียกร้องค่าสินไหม

4.ทำการสรุปรายการทรัพย์สินที่เสียหาย โดยแยกเป็น

  • ทรัพย์สินที่ต้องทำการซ่อมแซม เช่นฝ้าเพดาน วงกบ พื้นกระเบื้อง ที่โดนไฟไหม้ อันนี้ให้ช่างมาตีราคาแยกรายละเอียดให้ชัดเจนว่า ขนาดพื้นที่เท่าใดที่เสียหาย และคิดราคาซ่อมต่อหน่วยเท่าใด
  • ทรัพย์สินที่เสียหาย และไม่สามารถซ่อมได้ เช่น ตู้เสื้อผ้า , สต็อกสินค้าต่างๆ

ทรัพย์สินประเภทนี้ ให้ทำการ แยกประเภททรัพย์สินที่เสียหายและทำการนับจำนวนที่เสียหาย  โดยแยกตาม ประเภทของทรัพย์สินที่เป็นชนิดเดียวกัน เช่น

– ตู้เสื้อผ้า 1 ใบ เป็นแบบใด ทำจากวัสดุใด ขนาดเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่

– สต็อกสินค้าประเภทรองเท้า ก็ให้แยกว่า แต่ละรุ่นนี้เสียหายจำนวนกี่คู่ แต่ละคู่ราคาเท่าใด

5.ในส่วนของสาเหตุความเสียหาย ถ้าเป็นสาเหตุที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีอาญา เช่น ไฟไหม้ จะต้องมีการบันทึกรายละเอียดเป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วย เพราะทางประกันภัยจะใช้ ใบบันทึกประจำวัน นี้เป็นหลักฐานประกอบการการเปิดเคลม

6.แจ้งไปยังตัวแทน นายหน้า หรือ บริษัทประกันภัย ที่ท่านได้ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยด้วย เพื่อให้เขาเปิดเรื่องสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหม บริษัทประกันภัยอาจจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งท่านก็จะสามารถให้ดูหลักฐานต่างๆ ที่ท่านได้เก็บรายละเอียดมาแล้ว ตามด้านบน

ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนในการปฏิบัติเพื่อทำการเรียกร้องค่าสินไหมกับบริษัทประกันภัย เพื่อให้ท่านสามารถใช้สิทธิ์ในการเรียกร้องได้อย่างถูกต้องและถูกวิธี

แนะนำให้อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หัวข้อ ความรับผิดส่วนแรกในทางประกันภัยคืออะไร ( สำหรับการประกันภัยทรัพย์สิน )