ตัวอย่างการจัดซื้อประกัน ที่อนาคตมีความเสี่ยง#เคสการประกันทรัพย์สิน

ตัวอย่างการจัดซื้อประกัน

ในบทความนี้ ผมจะยกตัวอย่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้เห็นถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น จากการจัดซื้อกรมธรรม์ประกันภัย ที่ไม่ละเอียดพอ …

ไม่นานมานี้ มีฝ่ายจัดซื้อติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อประกันโกดัง …

มีหลายคำถามที่ผมถามกลับไปเพื่อจะให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง จนรู้ว่าโกดังนี้มีมูลค่าสิ่งปลูกสร้างและสต๊อก รวมกันเกินกว่าห้าสิบล้านบาท

จนผมเอ่ยปาก “ขออนุญาตเข้าไปดูสถานที่จริงได้ไหมครับ เพื่อจัดทำทุนประกันให้เหมาะสม” แต่ปลายสายปฎิเสธ โดยแจ้งว่าจะให้ข้อมูลเอง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่ผมเจอเสมอ เนื่องจากทางเรายังไม่มีสายสัมพันธ์กันในระดับที่ลูกค้าจะเปิดรับให้นัก เพราะเป็นการติดต่อมาทางออนไลน์ ( ซึ่งในความเป็นจริงการสำรวจภัย จากบุคคลทางประกันภัยนั้นจะทำให้การทำประกันภัยในสถานที่นั้นถูกต้องเหมาะสมยิ่งขึ้น )

ผมจึงขอข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมกับ รูปถ่ายภายนอกและภายในอาคาร

ไม่นานนัก ผมก็ได้รับเมล์จากฝ่ายจัดซื้อ ท่านนี้ เป็นรายละเอียดทรัพย์สิน จากกรมธรรม์เดิม ที่กำลังจะหมดอายุ โดยปราศจากรูปถ่ายตามที่ร้องขอ

สิ่งที่ผมทำเพื่อให้เห็นภาพทรัพย์สินที่เอาประกันภัยชัดเจนขึ้นคือ การค้นหาข้อมูลบริษัทนี้ใน internet จนได้ภาพถ่ายสำนักงานและโกดังมา

เมื่อพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมา ประกอบกับภาพถ่าย มีหลายประเด็นซึ่งกรมธรรม์เดิมที่ทำไว้ มีข้อผิดพลาดหลายประการ เช่น

  • ไม่มีการระบุ คุ้มครองส่วนต่อเติมอาคาร ในกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว โกดัง โรงงาน สำนักงาน จะมีการต่อเติมหลังคา หรือ สิ่งก่อสร้างบางอย่าง ยื่นออกมาเพิ่มเติมจากอาคารเดิม คือ สรุปได้ว่าที่ผ่านมาจ่ายเบี้ยประกันแต่ไม่รู้ว่า ส่วนต่อเติมอาคารไม่ได้รับความคุ้มครอง
  • ในกรมธรรม์เดิมใช้คำว่า คุ้มครองงานระบบต่างๆ แต่ไม่ชัดเจนว่า งานระบบต่างนี้ หมายความว่าอะไร? ซึ่งถ้ามีการเคลม จะเป็นปัญหาในการตีความทันที ที่ถูกต้องควรใช้คำว่า ระบบไฟฟ้า ระบบประปาและระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ทั้งหมดที่ใช้ในการประกอบการ
  • ในส่วนของ เฟอร์นิเจอร์ ทุนประกันที่ทำ ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลคือถ้ามีการเคลม บริษัทประกันจะไม่จ่ายเต็มความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากถือว่าผู้เอาประกันภัย ประกันตนเองบางส่วน
  • คำจำกัดความ ทรัพย์สินหลายๆ ส่วนไม่ละเอียด

หลังจากที่ผม เห็นประเด็นดังกล่าวแล้ว จึงชี้แจงข้อมูลเบื้องต้น ไปยังผู้ติดต่อ ผ่านช่องทาง Line@ พร้อมกับขอชื่อและเบอร์ เพื่อจะโทรติดต่ออธิบายเพิ่มเติมเพราะทำได้ละเอียดกว่าการพิมพ์ สิ่งที่ปรากฏก็คือ อ่านแต่ไม่มีข้อความใดตอบรับกลับมา แม้หลังจากนั้นมีการส่งข้อเสนอให้ก็ไม่มีการอ่าน จนสงสัยในเหตุผลว่าเพราะอะไร? อาจเป็นเพราะงานยุ่ง ,ได้ข้อเสนอที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว หรือ เพราะอัตตาส่วนตัวที่มี จนไม่เปิดรับการให้มุมมองและข้อมูลจากคนที่ตนเองให้เสนอราคา

ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมคงก้าวล่วงไปจุดนั้นไม่ได้ แต่ก็ .. อดคิดไม่ได้ว่า กรมธรรม์ใหม่ที่ลูกค้ารายนี้ได้รับ จะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้องเพิ่มเติมไหม หรือยังคงอิงรายละเอียดการประกันภัยจากกรมธรรม์เดิม ?

ที่แน่ๆ ผมคงเยอะ เกินไป จนถูกตัดออกจากการ Bidding ครั้งนี้ !!!!!!

แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เพราะสำหรับผม “มันไม่ใช่แค่เรื่อง ทำอย่างไรให้ได้เงิน แต่มันเป็นเรื่อง ทำอย่างไรจะสร้างคุณค่า ให้คุ้มกับเงินที่ลูกค้าให้มา”