เงื่อนไขประกันภัยรถยนต์

เงื่อนไขความคุ้มครองที่อยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

เคยมีคนถามคุณไหมว่า ” อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คุณ ซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทประกันภัย ? ” ผมว่ากว่า 80% ต้องตอบว่า เอาที่เบี้ยประกันถูก ยิ่งถูกเท่าไหร่ นั้นแหละ ใช่เลย แต่เคยมีตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย บอกคุณไหมว่า มีอะไรซ่อนอยู่ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ นอกจากสติ๊กเกอร์สูญญากาศ ที่ใช้แปะกับกระจกหน้ารถ ผมว่าเราลองมาใช้เวลาดูกันดีกว่าว่าเราควรรู้อะไรกันบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์ในการประกันภัยรถของเรา

อย่างแรกเลยต้องรู้ก่อนว่ากรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่เราทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเภท 1, 2 ,3 หรือ 3+ เนี่ย เค้าเรียกว่าประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ คือไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำ แต่คนที่ซื้อก็สมัครใจซื้อเองเพราะต้องการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในการขับขี่ ส่วนประกันภาคบังคับ ก็คือ ที่เราเรียกว่า พรบ. นั้นแหละ จริงๆ แล้วมันมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งกฎหมายบังคับให้ต้องซื้อเพื่อให้ความคุ้มครองผู้ประสบเหตุที่เกิดจากรถ โดยภาครัฐเขาใช้เอกสาร ตัว พรบ.นี้แหละประกอบในการเสียภาษีรถยนต์ ดังนั้นถ้าเราไม่มี พรบ.เราก็ต่อภาษีรถยนต์ ไม่ได้

ถ้าคุณลองหยิบหน้าตารางกรมธรรม์รถยนต์ของคุณ ขึ้นมาพินิจวิเคราะห์ คุณจะเห็นว่าในช่วงกลาง ของแผ่นกระดาษนั้น จะมีช่อง 3 ช่อง ในแนวดิ่ง ไอ้ช่อง 3 ช่องนี้แหละที่มีอิทธิพลต่อเบี้ยประกันของคุณ เพราะมันคือความคุ้มครองต่างๆ ที่จะติดไปกับรถของคุณตลอด 1 ปี

ช่องซ้ายสุด เป็นกรณีของความรับผิดต่อบุคคลภายนอก คือถ้าเกิดคุณทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายจากรถยนต์ของคุณ และ คุณคือคนผิด บริษัทประกันภัยก็จะยื่นมือเข้ามาจัดการทันที โดยแบ่งเป็น ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือ อนามัย ก็คือคุ้มครองความรับผิดต่อความบาดเจ็บ มรณะ ของบุคคลภายนอก ซึ่งก็คือบุคคลที่อยู่ภายนอกรถยนต์ที่เอาประกันภัย รวมไปถึงบุคคลภายนอกที่โดยสารอยู่ใน หรือกำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถยนต์คันเอาประกัน แต่ต้องไปใช้ในส่วนของ พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ให้หมดเพดานก่อนนะ แล้วถ้าไม่พอส่วนนี้จึงจะเริ่มทำงาน ซึ่งก็จะมีขอบเขตว่าคุ้มครองแต่ละคนไม่เกินเท่าไหร่ แต่ละครั้งไม่เกินเท่าไหร่ ยิ่งสูงเบี้ยก็ยิ่งแพง
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน

ง่ายๆ ก็คือ คุณขับรถคุณแล้วไปทำทรัพย์สินคนอื่นเสียหาย เช่นไปชนรถเขา เบียดเสาเขาหัก ทำของรักเขาเสียหาย ประกันก็จะทำหน้าที่รับผิดชอบให้ แต่ให้แค่เพียงความเสียหายที่แท้จริงนะครับ และไม่เกินวงเงินในกรมธรรม์ โอ้ยเรื่องนี้มีปัญหาเยอะ บางทีขับรถไปชนรถบีเอ็มเลยนะ แต่ป้ายแดงเมื่อ 10 ปีก่อน พี่แกจะขอซ่อมห้าง ขออะไหล่แท้ โห…รับรองคุยยาว แต่สุดท้ายประกันเขาก็ไม่ให้หรอกเพราะเขาดูจากสภาพรถและสภาพความเสียหายที่แท้จริงประกอบกันไป
ต่อมาก็ช่องกลาง อันนี้เป็นเรื่องของรถเราแล้ว คือประกันเขาคุ้มครองรถยนต์ของเราให้ คุ้มครองทางด้านความเสียหาย สูญหาย ไฟไหม้ แต่มีเฉพาะประกันประเภท 1 กับ 2 เท่านั้นนะครับ ที่จะคุ้มครองให้ในส่วนนี้

สุดท้ายช่องขวาสุด เขาเรียกกันยากๆ ว่าคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย ก็จะแบ่งเป็น
อุบัติเหตุส่วนบุคคล คือคุ้มครองทั้งคนขับรถและผู้โดยสาร ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต ทุพพลภาพถาวรและชั่วคราว
ค่ารักษาพยาบาล กรณีที่คนในรถต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล ไอ้อุบัติเหตุส่วนบุคคล กับ ค่ารักษาพยาบาล นี่แหละ ที่ต้องสังเกตุให้ดีเพราะบริษัทประกันเขาจะใช้ตรงนี้เพื่อให้เบี้ยต่ำลง ถ้าโชคร้ายไปเจออุบัติเหตุหนัก แล้ววงเงินในกรมธรรม์ไม่พอจ่าย คุณก็ต้องจ่ายเพิ่มเอง

การประกันตัวผู้ขับขี่ อันนี้จะใช้เมื่อการขับรถของเราไปทำให้บุคคลอื่นได้รับบาดเจ็บ เพราะถือเป็นความผิดทางอาญา ตำรวจเขาจะเข้ามาอยากรู้จักคุณทันที ดังนั้นวงเงินนี้จึงมีไว้ใช้สำหรับประกันตัว
หวังว่าคุณคงพอเห็นภาพแล้วนะว่า ไอ้ที่เบี้ยประกันถูกหรือแพง เนี่ย มันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง