Case Study ป่วยหนักแล้วไง กินยานอนพักผ่อนที่บ้านเดี๋ยวก็หาย แต่สุดท้ายได้ไปนอนที่โรงพยาบาล Part 2

เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 3 มีนาคม 2564 คุณหมอเข้ามาหาช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเช้า และได้แจ้งผลตรวจเลือดว่าเม็ดเลือดขาวผมต่ำมากไม่ถึง 100,000 คือ ผมติดเชื้อไวรัสจริงๆ แหละ แต่คุณหมอยังไม่สามารถบอกได้ว่าติดเชื้อไวรัสอะไร แต่จากแนวโน้มและอาการที่เป็นอยู่คุณหมอบอกเพียงแค่ว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นไข้เลือดออก ซึ่งคุณหมอได้แจ้งกับผมว่าให้นอนแอดมิดไปอีกอย่างน้อย 2 คืน เพื่อดูอาการ ณ จุดนี้ผมเริ่มมีความเครียดขึ้นมาอีกแล้ว เพราะถ้าต้องนอนอีก 2 คืนรวมกับคืนแรกด้วยจะรวมเป็นทั้งหมด 3 คืน ค่าใช้จ่ายพุ่งสูงแน่นอน ซึ่งตัวผมเองไม่พร้อมที่จะจ่าย

การรักษาก็เป็นไปอย่างปกติ คือเจาะสายให้น้ำเกลือ ให้ยาแก้อักเสบทั้งเจาะ ทั้งกิน เช็ดตัว ทุกๆ 3 ชั่วโมงเพื่อลดไข้ สุดท้ายผมตัดสินใจนอนแค่อีก 1 คืนก็คือคืนวันที่ 3 มีนาคม 2564 จนวันที่ 4 มีนาคม 2564 ช่วงเช้า ผมก็ได้แจ้งกับทางคุณหมอและพยาบาลไปตรงๆ ว่าผมไม่สะดวกที่จะนอนแอดมิดที่โรงพยาบาลไปมากกว่านี้เนื่องจากไม่สะดวกเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะไม่มีประกัน คุณหมอเลยทำการแจ้งว่า ในวันนี้ถ้าช่วงเย็นวัดไข้ แล้วไม่มีไข้คุณหมอจะอนุญาตให้ผมกลับบ้านได้ และจ่ายยาที่กินที่โรงพยาบาลไปกินและรักษาตัวต่อที่บ้านตั้งแต่วันที่ 5 – 7 มีนาคม 2564 และต้องมาพบคุณหมอเพื่อเจาะเลือดตรวจอีกครั้งในวันที่ 8 มีนาคม 2564 โดยในช่วงบ่ายและเย็นวันที่ 4 มีนาคม 2564 ทางพยาบาลได้เอาอาหารและยามาให้กิน เช็ดตัว และวัดไข้อีกครั้ง ซึ่งไข้ของผมนั้นได้ลดลงแล้วเหลือเพียง 36 องศา ก็คือไม่มีไข้ แต่ก็ยังคงมีอาการปวดหัวจากความเครียดอยู่เล็กน้อย คุณหมอเลยยินยอมให้ทางผมนั้นกลับบ้านได้ ..

โดยในวันที่ 8 มีนาคม 2564 ผมก็ได้ไปพบคุณหมอตามนัดเพื่อเจาะเลือดตรวจอีกครั้ง และผลตรวจออกมาว่าผมหายเป็นปกติแล้ว ค่าเม็ดเลือดขาวผมกลับมาสู่สภาวะปกติ อาการป่วยที่เป็นมาก็หายไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงความเครียดที่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เพราะใบเสร็จค่ารักษา 2 คืน ( 2 – 3 มีนาคม 2564 ) ที่ต้องจ่ายทั้งหมดเกือบ 3 หมื่นบาท + กับค่าที่ผมต้องไปพบคุณหมอตามนัดในวันที่ 8 มีนาคม 2564 อีกพันกว่าบาท ซึ่งมันทำให้ผมเกิดความเจ็บใจขึ้นมา ถ้าเกิดผมทำประกันสุขภาพเอาไว้ผมคงไม่ต้องวิ่งหาโรงพยาบาลที่ค่ารักษาถูกลงมา และ ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาเกือบ 3 หมื่นบาททั้ง ๆ ที่นอนแค่ 2 คืน นี่ขนาดผมเลือกโรงพยาบาลที่ค่าห้อง ค่ารักษา ค่าตรวจ ถูกลงมาแล้วนะ ถ้าผมตัดสินใจเลือกนอนที่โรงพยาบาลแรกใกล้บ้าน ที่ค่าห้องและค่าทุกอย่างนั้นสูงกว่า ผมจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ ผมแทบนึกจำนวนเงินไม่ออกเลย ..

หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมา วันรุ่งขึ้น ผมไม่รอช้าติดต่อกับทางพี่ที่ขายประกันภัยทันที โดยเล่าเรื่องการป่วยและค่ารักษาที่ผมต้องจ่ายไปทั้งหมดให้ฟังและให้ทางพี่เขาเสนอรายละเอียดประกัน เป็นประกันสุขภาพที่จะมาช่วยเรื่องค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาลมาให้ พร้อมกับตัดสินใจจ่ายเงินซื้อประกันทันทีหลังจากที่ได้อ่านรายละเอียดของประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้ว

สุดท้ายนี้อยากจะฝากถึงคนที่ยังมองข้ามเรื่องสุขภาพและชีวิต อยากจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เคยมั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงแค่ไหน วันนึงถ้าเกิดป่วยขึ้นมา มันไม่มีสัญญาณอะไรเตือนเลย

แล้วมันจะดีแค่ไหนครับ ถ้าเราเกิดป่วยจะสามารถเข้าโรงพยาบาลไหนก็ได้ นอนห้องแบบไหนก็ได้ รักษาตามอาการที่คุณหมอแจ้งกี่คืนก็ได้ โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาลในเครือประกันสังคมที่บางครั้งอาจจะอยู่ไกลกว่าอาการป่วยจะรอได้ ไม่ต้องกังวลกับค่ารักษา ที่จะตามมาทันทีหลังออกจากโรงพยาบาล .. ผมถือว่าผมยังโชคดีครับ ที่อาการป่วยของผมนั้นถือว่ายังไม่รุนแรงมากถึงขนาดไปโรงพยาบาลไม่ทันภายในกี่นาที แล้วจะมีผลต่อชีวิตและการรักษา แต่หลังจากนี้ความกังวลและความเครียดของผมคงเบาลงไปมากแน่นอน เพราะผมได้ตัดสินใจทำประกันและมีประกันสุขภาพเป็นของตัวเองแล้วครับ 🙂